2/21/2554

Red Hat


ความเป็นมาของ Red Hat
Red Hat,Inc ซึ่งเป็นบริษัทที่มีการทำซอฟแวร์ฟรีและเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย ระบบปฏิบัติการ Linux. ก่อตั้งขึ้นในปี 1993, สำนักงานใหญ่ของ Red Hat อยู่ใน Raleigh, North Carolina กับสำนักงานดาวเทียมทั่วโลก. Red Hat เกี่ยวข้องกับขอบเขตขนาดใหญ่ที่มีระบบปฏิบัติการขององค์กร Red Hat Enterprise Linux และมีการควบคุมของรัฐวิสาหกิจที่มาเปิด JBoss ขาย middleware. Red Hat ให้ปฏิบัติการแพลตฟอร์มของ middleware โปรแกรมและผลิตภัณฑ์การการจัดการรวมทั้งสนับสนุนการฝึกอบรมและบริการให้คำ ปรึกษาแก่ผู้ที่สนใจนอกจากนี้แล้วยังช่วยแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดในการใช้งานของโปรแกรม
ในปี ค.ศ. 1993 Bob Young ได้เปิดบริษัท ACC Corporation ซึ่งเป็นธุรกิจที่ขายอุปกรณ์ซอฟต์แวร์ของ Linux และ UNIX. ในปี 1994 Marc Ewing ได้ทำการเผยแพร่ Linux ของเขาเองซึ่งเขาตั้งชื่อว่า Red Hat Linux. Marc Ewing ออกเผยแพร่ Red Hat ในเดือนตุลาคมได้กลายเป็นที่รู้จักของผู้ใช้งานในชื่อรุ่น ฮาโลวีน. Young ได้ซื้อธุรกิจ Marc Ewing ในปี 1995 และทั้งสองก็ได้รวมกันพัฒนา Red Hat จนเป็น Red Hat Software โดย Young เป็นเจ้าหน้าที่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ACC Corporation. Red Hat เปิดตัวแกผู้ที่ต้องการใช้ครั้งแรกเมื่อ 11 สิงหาคม 1999 ในงาน eighth-biggest first-day gain in the history of Wall Street. Red Hat ได้รับความนิยมอย่าสูงสุดเมื่อออกสู่ตลาดเพียงแค่เดือนเดียว
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2000 Red hat ได้รับรางวัล ”ระบบปฏิบัติการผลิตภัณฑ์แห่งปี” 4 ปีซ้อน จาก InfoWorld และในปีถัดมา Red Hat ได้รับรองให้เป็นซอฟแวร์โดยสมบูรณ์ ในวันที่ 15 มีนาคม 2007 Red Hat เปิดตัว Red Hat Enterprise Linux 5. หลังจากนั้น Mantra ได้เข้ามาบริหารการทำงานของบริษัท ACC Corporation และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขอบริษัทโดยการเป็นผู้ให้บริการระบบบริการ บูรณาการ service-oriented architecture, business process management เมื่อได้เกิดผลประสบความสำเร็จในการบริหารงาน Mantra จึงได้แยก Red Hat ออกเพื่อให้ Red Hat ได้ทำงานเป็นอิสระกับบริษัทเดิม และหลังจากนั้น Red Hat ก็เป็นที่นิยมของเหล่านักพัฒนาโปรแกรมหรือผู้ใช้ทั่วๆไปและทำการออกโปรแกรม เสริมต่างๆเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ทำให้ทุกคนรู้จักระบบปฏิบัติการใหม่ชื่อว่า Red Hat

เมื่อเปิดเครื่องเซิร์ฟเวอร์ไว้พร้อมแล้ว ( ในที่นี้ยังคงทำงานเฉพาะส่วน FTP Server เท่านั้น ) ให้บูตเครื่องลูกข่ายที่จะทำการติดตั้งด้วยแผ่นซีดีรอมที่สร้างขึ้นจาก boot.iso เมื่อโปรแกรมสอบถามถึงวิธีการติดตั้งให้เลือกเป็น FTP Server แล้ว ตั้งค่า IP Address ,Net mask ให้เรียบร้อย จะมีหน้าจอปรากฏขึ้นให้ระบุเครื่องที่เป็น FTP Server และตำแหน่งที่เก็บไฟล์
หลังจากนี้จะเข้าสู่หน้าจอต่างๆ เหมือนกับที่ติดตั้งด้วยซีดีรอมทุกประการ โดยอาจจะแสดงผลเป็นแบบกราฟฟิกหรือเท็กโหมดเหมือนในภาพตัวอย่างจะขึ้นอยู่กับ ขนาดของหน่วยความจำที่มีอยู่ในเครื่องลูกข่ายด้วย คือ ถ้ามีหน่วยความจำตั้งแต่ 256MB ขึ้นไปจึงจะแสดงผลเป็นแบบกราฟฟิก แล้วตามถ้ามีการใช้ Kick Start เราจะสามารถกำหนดให้ทำการติดตั้งในแบบเท็กซ์โหมดได้โดยระบุในไฟล์ ks.cfg รวมทั้งขั้นตอนอื่นๆ ก็สามารถลดลงได้อีกมาก เช่น ให้รับค่า IP Address จากเซิร์ฟเวอร์โดยอัตโนมัติก็จะไม่ต้องมากำหนดค่าเอง หรือกำหนดเครื่อง FTP Server ไว้แบบตายตัวก็จะช่วยให้ลดชั้นตอนลงไปอีก 1 ขั้นทำให้สะดวกยิ่งขึ้นอีก เป็นต้น
เมื่อการติดตั้งเริ่มทำงานแล้ว ถึงประมาณขั้นตอนการ Format File System แล้ว เราสามารถนำแผ่นซีดีรอมออกจากเครื่องลูกข่ายเพื่อนำไปใช้บูตติดตั้งเครื่อง อื่นๆ ต่อไปได้ ช่วยให้ประหยัดการสร้างแผ่นซีดีรอมได้ ดังนั้นถ้าหากมีเครื่องลูกข่ายจำนวนไม่มากนักก็สามารถใช้เพียงแผ่นเดียวร่วม กันได้
ถึงตอนนี้ขั้นตอนการติดตั้งผ่านเน็ตเวิร์กนี้ จะยังไม่เป็นไปโดยอัตโนมัติทั้งหมด แต่ก็เป็นก้าวแรกที่ทำให้แน่ใจได้ว่าระบบเริ่มทำงานได้แล้ว ในฉบับหน้าเราจะนำเอาระบบ Kick Start มาเสริมเข้าไปในการติดตั้งผ่านเน็ตเวิร์กนี้เพื่อให้มีความอัตโนมัติมากยิ่ง ขึ้น

Securing Red Hat Linux Installations
การสร้างความแข็งแกร่งและความปลอดภัย ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์หรือเครื่องให้บริการเครื่องหนึ่งนั้น ผู้ดูแลระบบจำเป็นต้องให้ความสำคัญตั้งแต่ขั้นตอนของการติดตั้งระบบปฏิบัติ การ ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกในการเริ่มต้นใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ เนื่องจากการเลือกรูปแบบการติดตั้งระบบปฏิบัติการจะส่งผลต่อความปลอดภัยของ เครื่องคอมพิวเตอร์โดยรวม รายละเอียดในบทนี้จะอธิบายถึงขั้นตอนการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Red Hat Linux ที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยซึ่งผู้ดูแลระบบควรให้ความระมัดระวังใน ระหว่างการติดตั้ง ผู้ดูแลระบบส่วนใหญ่มีความสามารถในการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Linux มาบ้างแล้ว ดังนั้นเนื้อหาในบทความนี้จะไม่เจาะลึกถึงขั้นตอนการติดตั้งทั้งหมดโดย ละเอียด
1. Disconnect Machine from Network
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนแรกของการติดตั้งระบบปฏิบัติการทุกระบบปฏิบัติการ ด้วยวิธีการง่ายๆ โดยการถอดสายที่ใช้เชื่อมต่อเครือข่ายออก ซึ่งกระบวนการนี้ผู้ดูแลระบบส่วนใหญ่มักจะละเลย ผลที่ตามมาคืออาจจะโดนผู้ไม่ประสงค์ดีทำการโจมตีเครื่องที่ได้รับการติดตั้งระบบปฏิบัติการเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้ปรับแต่งให้มีความปลอดภัยได้
2. Select Installation Class: Workstation, Server, or Custom
เลือกว่าต้องการให้เครื่องที่จะติดตั้งนั้นมีชนิดของการติดตั้งแบบใด คลาสใด โดยพิจารณาจากจุดประสงค์ของการนำไปใช้งาน ขั้นตอนนี้จะอยู่หลังขั้นตอนการปรับแต่งเมาส์ มีหน้าจอการทำงาน
3. Define Partitions
การแบ่งพาร์ทิชันนั้นไม่มีกฎในการแบ่งที่แน่นอนว่าจะ ต้องแบ่งเป็นกี่พาร์ทิชัน และแต่ละพาร์ทิชันควรมีขนาดเท่าไร ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ดูแลระบบส่วนใหญ่จะแบ่งพาร์ทิชันออกเป็น 2 พาร์ทิชันคือพาร์ทิชันรูต (/ ) และพาร์ทิชันของ Swap ตามค่า default ในขณะทำการติดตั้งระบบปฏิบัติการ อย่างไรก็ตามการแบ่งเป็น 2 พาร์ทิชันด้วยวิธีการดังกล่าวมีข้อเสียคือ ถ้าหากว่าระบบเกิดปัญหาไม่สามารถที่จะบูตได้ จะทำให้ข้อมูลส่วนอื่นๆ เช่น รายชื่อของผู้ใช้งาน เกิดความเสียหายด้วย แต่ถ้ามีการแยกบางไดเรกทอรีที่มีข้อมูลสำคัญออกจากพาร์ทิชันรูต ทำให้ความเสียหายที่เกิดลดลงได้
คำแนะนำเบื้องต้นคือควร ที่จะแบ่งพาร์ทิชัน /usr และ /var ออกจากพาร์ทิชันรูต ซึ่งจะทำให้สามารถป้องกันพาร์ทิชัน /usr โดยการกำหนดค่า permission ให้อ่านได้อย่างเดียวเพื่อป้องกันการถูกแก้ไขไฟล์โดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้การที่แบ่งพาร์ทิชัน /var แยกออกจากพาร์ทิชันรูตจะช่วยลดความเสียหาย
1. พาร์ทิชันของระบบไฟล์ (File Systems) ระบบไฟล์ของระบบปฏิบัติการ linux คือไฟล์ต่างๆ ที่สำคัญต่อการทำงานของระบบปฏิบัติการ ระบบไฟล์จะถูกจัดเก็บไว้ในไดเรกทอรีต่างๆ ได้แก่ /, /var, /etc, /home เป็นต้น ดังรูปที่ 3-1 ซึ่งวิธีการแบ่งพาร์ทิชันนี้จะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานเครื่อง ข้อแนะนำสำหรับผู้ดูแลระบบก็คือควรที่จะแยกไดเรกทอรีที่เก็บระบบไฟล์ต่อไป นี้ออกจากพาร์ทิชันที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการไปเป็นอีกพาร์ทิชันหนึ่ง /var ระบบไฟล์นี้จะเป็นไดเรกทอรีที่ใช้เก็บ spool ต่างๆ เช่น mail printing เป็นต้น และยังใช้เก็บไฟล์ล็อกต่างๆ ถ้าจัดให้ไดเรกทอรีนี้อยู่ในพาร์ทิชันของระบบ (พาร์ทิชันรูต / ) แล้วผู้โจมตีทำการส่งไฟล์ล็อกเข้ามาจำนวนมาก (Log Flood) จนทำให้เนื้อที่ของพาร์ทิชั่นเต็มจะส่งผลให้ระบบไม่สามารถที่จะทำงานต่อไปได้ ดังนั้นระบบไฟล์นี้ควรที่จะถูกแบ่งให้แยกออกจากพาร์ทิชันของระบบ/usr เป็นไดเรกทอรีที่เก็บไฟล์ไบนารีที่ใช้เอ็กซิคิวต์ต่างๆ รวมทั้ง Source ของเคอร์เนล และเอกสารต่างๆ/tmp เป็นไดเรกทอรีที่เก็บไฟล์ชั่วคราวของบางโปรแกรม ซึ่งส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามถ้าใช้งานโปรแกรมทางวิศวกรรมหรือวิทยาศาสตร์ บางครั้งต้องใช้เนื้อที่หลายร้อยเมกะไบต์ ในกรณีนี้ควรที่จะแบ่งพาร์ทิชันแยกออกจากพาร์ทิชันของระบบ/home เป็นไดเรกทอรีที่ใช้เก็บเนื้อที่ส่วนตัวของผู้ใช้งานแต่ละคน ถ้ามีจำนวนผู้ใช้งานมากและไม่ได้จำกัดเนื้อที่ของผู้ใช้งานแต่ละคน ควรที่จะแยกพาร์ทิชันนี้ออกด้วย/boot เป็นไดเรกทอรีที่เก็บข้อมูลต่างๆของฮาร์ดไดร์ฟ และต้องใช้ในการบูตด้วย ดังนั้นถ้าหากว่าได้แยกไดเรกทอรีเป็นอีกพาร์ทิชันออกจากพาร์ทิชันของระบบ เมื่อระบบเกิดความเสียหาย ก็ยังสามารถที่จะบูตเพื่อที่จะทำการกู้ระบบต่อไป
2. พาร์ทิชัน Swap
ลักษณะของพาร์ทิชัน Swap ของระบบปฏิบัติการ Linux คือRAM และ Swap มีเนื้อที่รวมกัน ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามี RAM 8MB และมี Swap 12 MB จะทำให้ virtual memory มีขนาดเท่ากับ 20 MB
virtual memory ควรมีขนาดมากกว่า 16 MB ถ้าหากว่ามี RAM 8 MB ควรจะมี Swap เท่ากับ 8 MB ขึ้นไปพาร์ทิชัน Swap มีเนื้อที่สูงสุดได้เท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับสถาปัตยกรรมของเครื่องที่ติดตั้ง เช่น ถ้าเป็นเครื่อง i386 นั้นมีพาร์ทิชัน Swap ได้ไม่เกิน 2 Gb Alpha มีได้ไม่เกิน 128 Gb Sparc มีพาร์ทิชัน Swap ได้ไม่เกิน 1 Gb และ sparc64 มีได้ไม่เกิน 3 Tbการแบ่งพาร์ทิชัน Swap ควรคำนึงถึงด้วยว่าถ้าหากแบ่งพื้นที่ไว้มากเกินไปจะทำให้เสียเนื้อที่ของฮาร์ดไดร์ฟโดยเปล่าประโยชน์
วิธีการแบ่งพาร์ทิชันขณะทำการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Linux Red Hat
ขณะทำการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Linux Red Hat นั้นมีวิธีการแบ่งพาร์ทิชันมี 3 วิธี
1. Automatic Partitioning วิธีนี้ให้ระบบปฏิบัติการแบ่งพาร์ทิชันให้เอง ซึ่งง่าย สะดวก แต่ผลเสียคือไม่สามารถควบคุมได้ และไม่ยืดหยุ่นต่อการใช้งาน
2. Manually partition with Disk Druid เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการแบ่งพาร์ทิชัน และแนะนำให้ใช้วิธีนี้ ซึ่งจะกล่าวถึงรายละเอียดต่อไป
3. Manually partition with fdisk วิธีนี้ยาก เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่มีความคุ้นเคยกับระบบปฏิบัติการ Linux มาพอสมควร

การแบ่งพาร์ทิชันด้วย Disk Druid
Disk Druid เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการแบ่งพาร์ทิชันในการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Linux Red Hat ซึ่งเป็นระบบ GUI (Graphics User Interface) แสดงรูปของฮาร์ดไดร์ฟที่จะใช้ติดตั้งระบบปฏิบัติการและข้อมูลของแต่ละพาร์ทิ ชัน ซึ่งทำให้ง่ายต่อการใช้งาน และทำการแบ่ง
แสดงหน้าต่างโปรแกรม Disk Druid
ปุ่มต่างๆ บนโปรแกรม Disk Druid
· New : ใช้ในกรณีที่ต้องการที่จะสร้างพาร์ทิชันใหม่ เมื่อเลือกแล้วจะปรากฏหน้าต่างให้กำหนดค่า ดังรูปที่ 3-4
· Edit : ใช้ในกรณีที่ต้องการจะแก้ไขข้อมูลของพาร์ทิชันเดิมที่มีอยู่แล้ว โดยเลือกที่พาร์ทิชันที่ต้องการแก้ไขก่อนแล้วจึงเลือกปุ่ม Edit แล้วจะปรากฏหน้าต่างใหม่ ดังรูปที่ 3-4 ขึ้นมา แต่จะมีข้อมูลเดิมของพาร์ทิชันปรากฏด้วย
· Delete : ใช้ในกรณีที่ต้องการที่จะลบพาร์ทิชันที่เลือก โดยเลือกที่พาร์ทิชันที่ต้องการจะลบก่อนแล้วจึงเลือกปุ่ม Delete และจะต้องทำการยืนยันที่จะลบด้วย
· Reset : ใช้ในกรณีที่ต้องการเรียกข้อมูลของฮาร์ดไดร์ฟก่อนที่จะทำการเปลี่ยนแปลงด้วยโปรแกรม Disk Druid กลับคืน
· Make RAID : เป็นการแบ่งพาร์ทิชัน เพื่อให้สามารถใช้งานฮาร์ดไดร์ฟแบบ RAID ซึ่งระบบปฏิบัติการ Red Hat Linux จะติดตั้งซอฟต์แวร์ RAID เพื่อจัดการกับพาร์ทิชันส่วนดังกล่าว อย่างไรก็ตามผู้ใช้ที่ต้องการแบ่งพาร์ทิชันโดยเลือกทำ RAID ควรจะมีความรู้เรื่อง RAID มาก่อนแล้ว
พื้นที่ที่แสดงข้อมูลของฮาร์ดไดร์ฟ
· Device : แสดงชื่อของ device ของพาร์ทิชัน
· Start : แสดงส่วนของเซ็กเตอร์ (sector) ส่วนเริ่มต้นของแต่ละพาร์ทิชัน
· End : แสดงส่วนของเซ็กเตอร์ (sector) ส่วนสิ้นสุดของแต่ละพาร์ทิชัน
· Size (MB) : แสดงขนาดของแต่ละพาร์ทิชัน หน่วยเป็นเมกะไบต์
· Type : แสดงชนิดของระบบไฟล์ในแต่ละพาร์ทิชัน ตัวอย่างเช่น ext2, ext3, swap หรือ FAT เป็นต้น
· Mount Point : แสดงชื่อของแต่ละไดเรกทอรีที่เก็บไฟล์ระบบซึ่งต้องการใช้งานกับพาร์ทิชันที่สร้างขึ้นของ device นั้นๆ
· Format : แสดงให้ทราบว่าต้องทำการฟอร์แมตพาร์ทิชันนั้นหรือไม่
4. Configure System Security and Account Policies
4.1. Shadow Passwords with MD5 hashing
ในขั้นตอนการติดตั้งระบบปฏิบัติการ จะมีขั้นตอนให้เลือกการจัดการเกี่ยวกับรหัสผ่าน ซึ่งค่า default จะกำหนดการจัดการเก็บรหัสผ่านโดยใช้ Shadow Passwords ด้วย MD5 hashing
แสดงการตั้งค่า Authenication
Enable MD5 passwords -- นั้นอนุญาตให้ใช้รหัสผ่านยาวได้ แต่ต้องไม่เกิน 256 ตัวอักษร แทนที่จะใช้รหัสผ่านสั้นๆที่ไม่เกิน 8 ตัวอักษร
Enable shadow passwords -- เป็นวิธีเก็บรหัสผ่านให้ปลอดภัยมากขึ้น โดยรหัสผ่านทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ที่ /etc/shadow ซึ่งเฉพาะผู้ดูแลระบบเท่านั้นจึงจะสามารถอ่านไฟล์ได้
4.2. Set passwords for root and all user accounts
การตั้งรหัสผ่านที่ดีของทุก account นั้นจะช่วยในการรักษาความปลอดภัยได้มาก หลักการในการตั้งรหัสผ่านที่ดีมีดังนี้
· รหัสผ่านที่ดีนั้นจะต้องเก็บเป็นความลับ
· ไม่ควรจดรหัสผ่านไว้
· ประกอบด้วยตัวอักษรหลายตัว ทั้งตัวอักษรพิมพ์ใหญ่และเล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์ต่างๆ
· ตั้งรหัสผ่านให้ยาว ยากต่อการเดาสุ่ม แต่ง่ายต่อการจดจำ
· ตั้งค่าให้รหัสผ่านที่ผู้ใช้งานระบบต้องยาวกว่า 10 หรือ 12 ตัวอักษร
· ไม่ควรใช้ชื่อเฉพาะ เช่น ชื่อเพื่อน ชื่อสัตว์เลี้ยง เป็นต้น
ขั้นตอนการตั้งรหัสผ่านขณะทำการติดตั้งระบปฏิบัติการนั้น จะอยู่ถัดจากการปรับแต่งค่า Time Zone
ขั้นตอนการเพิ่มรายชื่อผู้ใช้งานระบบ เลือกที่ปุ่ม Add เพื่อเพิ่มรายชื่อผู้ใช้ใหม่ จะปรากฏหน้าต่างใหม่ แล้วให้ทำการป้อนค่าต่างๆ ให้ครบ จากนั้นคลิ้กปุ่ม OK ส่วนการแก้ไขถ้ามีรายชื่อผู้ใช้งานอยู่แล้วและต้องการที่จะแก้ไขหรือลบออก ให้เลือกที่ชื่อผู้ใช้ผู้นั้นก่อนแล้วจึงคลิ้กปุ่ม Edit เพื่อแก้ไข หรือ Delete เพื่อลบรายชื่อนั้นออก
5. Select Packages to Install
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ติดตั้งระบบปฏิบัติการมักจะมีแนวความคิดเรื่องหลักการเลือกแพ็กเกจ ว่าควรเลือกติดตั้งทั้งหมดเพื่อจะได้ไม่มีปัญหาว่าติดตั้งแพ็กเกจไม่ครบแล้วเครื่องจะทำงานไม่ได้ ขั้นตอนการเลือกแพ็กเกจนั้นเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมากขั้นตอนหนึ่ง เพราะหากเลือกติดตั้งทุกแพ็กเกจ และพบในตอนหลังว่าไม่ได้ใช้บางแพ็กเกจ จะทำให้เกิดขยะในฮาร์ดไดร์ฟได้ ซึ่งหลักการพิจารณาเลือกแพ็กเกจอย่างคร่าวๆมีดังนี้
1. เลือกติดตั้งเฉพาะแพ็กเกจที่ต้องการติดตั้งตามความจำเป็น
ถ้าเลือกติดตั้งเกินความจำเป็นจะทำให้เปลืองฮาร์ดไดร์ฟโดยเปล่าประโยชน์ เป็นการสร้าง hole ให้แฮ็กเกอร์สามารถเจาะระบบได้มากขึ้น และเพิ่มงานให้ผู้ดูแลระบบในการติดตามอัพเดตซอฟต์แวร์ ทั้งที่ไม่ได้ใช้ซอฟต์แวร์นั้น เพื่อให้ระบบมีความปลอดภัยสูงสุด ยกตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการติดตั้งเครื่องเพื่อทำหน้าที่เป็นเซิร์ฟเวอร์รับส่งอี-เมล์เพียงอย่างเดียว ก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้งแพ็กเกจของเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการเว็บ เป็นต้น
2. พิจารณาถึงความปลอดภัยเมื่อเลือกที่จะใช้แพ็กเกจนั้น
การเลือกเพื่อที่จะให้ปลอดภัยที่สุดนั้น อาจจะเลือกเวอร์ชันใหม่ที่สุด เพราะเวอร์ชันที่ใหม่ที่สุดทางผู้พัฒนาโปรแกรมต้องทำการแก้ไขให้สมบูรณ์มากกว่าเวอร์ชันก่อนๆ แต่บางครั้งเวอร์ชันใหม่นั้นก็อาจจะมีปัญหาที่ยังไม่เสถียรในการใช้งานได้ ทั้งนี้ต้องติดตามข่าวสารว่าเวอร์ชันใหม่ที่ออกมานั้นได้ทำการแก้ไขจุดใดบ้าง และแตกต่างจากเวอร์ชันเดิมอย่างไร เป็นต้น
3. เลือกตามความเหมาะสมของเครื่องที่ทำการติดตั้ง
การเลือกนี้ขึ้นอยู่กับว่าเครื่องที่นำมาติดตั้งนั้นมีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์หรือไม่ เช่น ถ้าฮาร์ดไดร์ฟมีขนาดเล็ก ความเร็วของหน่วยประมวลผลน้อย ก็จะต้องเลือกเฉพาะแพ็กเกจที่สำคัญ
4. เลือกติดตั้งแพ็กเกจเพื่อใช้งานต่อไปในอนาคต
การเลือกข้อนี้ นั้นไม่ได้หมายความว่าให้ติดตั้งแพ็กเกจไปก่อน เผื่อว่าจะได้ใช้งานในอนาคต แต่รวมถึงให้เลือกเฉพาะที่จะใช้จริงๆ เช่น ต้องการจะคอมไพล์เคอร์เนลใหม่
วิธีการเลือกแพ็กเกจในการติดตั้ง
ทำการเลือกคลิ้กที่ check box หน้ากลุ่มแพ็กเกจที่จะติดตั้ง ซึ่งหน้าจอที่ให้เลือกกลุ่มแพ็กเกจ และถ้าผู้ใช้อยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญหรือมีความคุ้ยเคยกับระบบปฏิบัติการ Linux ก็จะสามารถที่จะเลือกเจาะจงทีละแพ็กเกจได้โดยเลือกที่ Seclect Individual Packages ที่อยู่ด้านล่างของหน้าจอ ซึ่งจะทำให้ปรากฏหน้าต่าง ถ้าหากผู้ใช้ที่เลือกติดตั้งแบบเจาะจงเลือกทีละแพ็กเกจ แล้วไม่สามารถติดตั้งต่อได้ เนื่องจากบางแพ็กเกจจำเป็นต้องติดตั้งแพ็กเกจอื่นก่อน หน้าจอจะปรากฏข้อความเตือน
6. Final Linux Installation Recommendations Note
6.1. Create a boot diskette
การสร้างแผ่นบูตนั้นมีความจำเป็นไม่น้อย เช่น เมื่อระบบเกิดปัญหาไม่สามารถบูตได้ตามปกติ สามารถนำแผ่นบูตดังกล่าวมาใช้บูตเพื่อเข้าสู่ระบบได้ วิธีการสร้างแผ่นบูตสามารถทำได้โดยง่าย หลังจากที่ระบบทำการติดตั้งแพ็กเกจเสร็จแล้ว ที่หน้าจอจะปรากฏให้ทำการสร้างแผ่นบูต ดังรูปที่ 6.1-1 เมื่อที่สอดแผ่นดิสก์เปล่าที่ได้รับการฟอร์แมทแล้วคลิ้กปุ่ม Next แต่ถ้าไม่ต้องการสร้างให้คลิ้กเลือกที่ check box ว่า Skip boot disk creation แล้วคลิ้กปุ่ม Next
6.2. Password protect LILO boots
เมื่อทำการติดตั้งเรียบร้อยแล้วขั้นตอนนี้เป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบอีก เป็นวิธีตั้งค่าให้ป้อนรหัสผ่านเมื่อทำการเลือกที่จะบูตเข้าระบบปฏิบัติการจากบูตโหลดเดอร์ ชื่อ LILO มีขั้นตอนการทำดังนี้
1. เรียกโปรแกรม editor ยกตัวอย่างเช่น vi, pico เป็นต้น แล้วเรียกไฟล์ชื่อ /etc/lilo.conf เพื่อที่จะแก้ไข
2. เพิ่ม 'password=your_password' เข้าไปเพื่อให้ต้องป้อนรหัสผ่านทุกครั้งที่รีบูต และถ้าเพิ่ม 'restricted' เพื่อให้ต้องป้อนรหัสผ่านเมื่อมีการป้อนค่าพารามิเตอร์เพิ่มในขณะที่ปรากฏ lilo prompt
3. รันคำสั่ง #lilo เพื่อบันทึก lilo.conf ที่แก้ไขไปเก็บไว้ที่ Master Boot Record
4. จากนั้นทำการรีบู๊ตเพื่อดูผล




ที่มา

http://en.wikipedia.org/wiki/Red_Hat

http://science.bu.ac.th/board/index.php?topic=987.0

http://www.itdestination.com/articles/linux/installation.ph

http://www.arnut.com/linux/redhat9_install.php

2/11/2554

Blender

โปรแกรม Blender
สำหรับโปรแกรม Blender ซึ่งเป็นโปรแกรมสร้างงาน 3D ที่สามารถดาวน์โหลดใช้งานได้ฟรี เหมาะสำหรับผู้ต้องการศึกษาการสร้างงาน 3D และผู้ต้องการเรียนรู้การสร้างงานใหม่ ๆ เนื่องจากโปรแกรม Blender มีความสามารถสร้างงาน 3D อย่างครบถ้วน ดังชิ้นงานที่ออกมาก็สวยงามไม่แพ้โปรแกรมสร้างงาน 3D อื่นๆ

แนะนำโปรแกรม Blender
โปรแกรม Blender เป็นโปรแกรมสร้างงาน 3 มิติที่มีความสามารถในการสร้างโมเดลรูปทรงต่าง ๆ ทั้งยังกำหนดพื้นผิวหรือลวดลาย ให้กับวัตถุได้ สามารถปรับแสง กำหนดมุมมอง สร้างชิ้นงานแอนิเมชั่น พร้อมใส่เอ็ฟเฟ็กต์สร้างความเหมือนจริงและชวนติดตาม จนกระทั่งประมวลผลออกมาเป็นชิ้นงานที่ 3 มิติที่สมบูรณ์แบบ นอกเหนือจากนั้น ยังรองรับการสร้างเกม เนื่องจากมีเครื่องมือที่ช่วยในการทำโมเดลสำหรับเกมและการทำงานอื่นๆ ที่เกี่ยวกับเกม

จุดเด่นของโปรแกรม Blender
โปรแกรม Blender เป็นโปรแกรม Open Source ที่สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรี และยังมีความสามารถทัดเทียมกับโปรแกรมสร้างงาน 3 มิติโปรแกรมอื่น ๆ โดยจุดเด่นที่น่าสนใจของโปรแกรม Blender มีดังนี้
เป็นโปรแกรมที่ใช้ทรัพยากรระบบและพื้นที่ในการติดตั้งโปรแกรมน้อย
มีความสามารถในการสร้างงานได้หลายรูปแบบ เช่น การสร้างการ์ตูนแอนิเมชั่น งานดีไซน์ งาน สถาปัตยกรรมและตกแต่งภายใน การสร้างสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ และการสร้างเกม เป็นต้น
ทำงานได้หลายแพลตฟอร์ม เช่น Windows Mac Linux และอื่นๆ
โปรมแกรม Blender สามารถใช้เป็นโปรแกรมพื้นฐานสำหรับผู้ต้องการศึกษาสร้างงาน 3 มิติ รวมทั้งบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลาง ก็สามารถนำโปรแกรมไปใช้สร้างงานชิ้นงานตามวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายของบริษัทได้เช่นกัน เนื่องจากไม่ต้องจ่ายงบประมาณ ในการซื้อโปรแกรมมาใช้นั่นเอง

ความต้องการระบบคอมพิวเตอร์โปรแกรม Blender
โปรแกรม Blender ถูกพัฒนาให้ทำงานได้ดีมากขึ้น มีความยืดหยุ่นของหน้าต่างการทำงานสูง และมีขนาดเบา ดังนั้นความต้องการระบบจึงไม่สูงมากนัก ซึ่งนี้เป็นข้อดีของ Blender

วิธีการนำโปรแกรม Blender มาใช้งาน
สำหรับการนำโปรแกรม Blender มาใช้งานนั้น เราสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ฟรีที่เวปไซต์http://www.blender.org/

ภาพ แสดงหน้าเว็บไซต์สำหรับดาวน์โหลดโปรแกรม Blender



ภาพแสดงหน้าเว็บไซต์เพื่อเลือกดาวน์โหลดโปรแกรม ที่เหมาะสมกับระบบปฏิบัติการ


เมื่อเข้าหน้าแรกของเว็บไซต์แล้ว ให้ดาวน์โหลดโปรแกรมดังขั้นตอนต่อไปนี้
1. คลิกที่หัวข้อ Download หรือ Download Now
2. จากนั้นเข้าสู่หน้าการดาวน์โหลดเลื่อนลงมาจะมีส่วนของการให้เลือกดาวน์โหลดเพื่อให้เหมาะสมกับระบบปฏิบัติการของเรา
3. ระบบจะแสดงหน้า File Download ขึ้นมา ให้เราทำการ Save เพื่อจัดเก็บโปรแกรมมาไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา
4. รอสักครู่ โปรแกรมจะถูกดาวน์โหลดเข้ามาเก็บที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา และเมื่อเสร็จแล้วเราจะได้โปรแกรม Blender สำหรับ ใช้งานฟรีที่เหมาะกับระบบปฏิบัติการของเรา
การทำงานของโปรมแกรม Blender
สำหรับส่วนนี้เรามารู้จักหน้าตาของโปรแกรม Blender รวมทั้งการทำงานของเครื่องมือแต่ละส่วน พร้อมทั้งเรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานกับไฟล์ เช่น เปิดไฟล์ บันทึกไฟล์ ฯลฯ เพื่อเป็นพื้นฐานในการทำงานของโปรแกรม Blender

โมเดล 3D ของรถยนต์ดังรูปข้างบนถูกวาดโดยใช้โปรแกรม Blender แล้วทำการ Export

วิธีการทำหน้าโดยใช้โปรแกรม Blender

ภาพแสดง หน้าตาของโปรแกรม Blender รูปภาพที่โพสต์โดยผู้ใช้งาน


ที่มา
http://www.thaigoodview.com/

PHP Wind

ความเป็นมาของระบบ PHPWind
PHPWind ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยคนจีน โดยบริษัท PHPWind.com Corporation มีการพัฒนาปรับปรุงแก้ไขระบบมาแบบต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2002 จนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ก็ได้ออกเวอร์ชัน 7 แล้ว สำหรับ www.i7forums.com เราได้มีการพัฒนาภาษาไทยของสคริปต์ค่าย PHPWind มาพักนึงแล้ว เพื่อที่จะให้คนไทยได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับสคริปต์ของค่าย PHPWind โดยทั่วกัน      พีเอชพีวินด์ (อังกฤษ: PHPWind) เป็นโปรแกรมระบบกระดานสนทนา (เว็บบอร์ด) บนอินเทอร์เน็ต ทำงานด้วยภาษาพีเอชพี ควบคู่กับระบบฐานข้อมูล โดยรับรองการทำงานของฐานข้อมูล MySQL เท่านั้น ด้วยการติดตั้งที่ง่าย และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจัดหา ทำให้ PHPWind ได้รับความนิยมแพร่หลายในอินเทอร์เน็ต ทั้งเว็บไซต์ภาษา(จีน) และเว็บไซต์ภาษา(ไทย) ความสามารถเด่นของพีเอชพีวินด์ ได้แก่ ระบบแสตมป์ การเชื่อมต่อ FTP โอนเอกสารแนบไปเก็บไว้ที่ Server เครื่องอื่นกรณีพื้นที่ไม่เพียงพอ ระบบสเปซ ระบบฟอรั่ม ระบบพอร์ทัล การส่งข้อความด้วยรูปแบบพิเศษและอีโมติคอน การสร้างแบบสำรวจ การสร้างกระทู้โต้วาที การสร้างกระทู้ค้าขาย การสร้างกระทู้กิจกรรม ระบบ Toplist ระบบธนาคาร ระบบไอเทมพิเศษ ระบบสมาชิกและการกำหนดสิทธิ์ผู้ใช้ รวมถึงระบบจัดการสำหรับดูแลรักษากระดานสนทนา ผู้ดูแลระบบสามารถจัดการเนื้อหาได้โดยง่าย       สำหรับเวอร์ชันไทย
แจกฟรี 100% ภายใต้ลิขสิทธิ์ทั้งหมดของ PHPWind.com ไม่มีขายในไทยไม่อนุญาตให้นำไปขาย
คุณสมบัติของระบบ PHPWind
-  Ajax และความเร็วในการทำงาน
พีเอสพีวินด์ เป็นเว็บบอร์ดที่มีความเร็วอยู่แล้วบวกกับระบบ ajax ที่มีพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระบบ PHPWindเป็นเว็บบอร์ดที่มีผู้คนนิยมอย่างแพร่หลาย ในปัจจุบัน
-  สร้างไฟล์ HTML  ได้อัตโนมัติ
แน่นอนเลยว่าระบบนี้แหละคือจุดขาย หรือระบบที่น่าสนใจที่สุดของ PHPWind เลยเป็นการสร้างไฟล์ HTML ของกระทู้แต่ละกระทู้ขึ้นมาอัตโนมัติเหมาะสำหรับโฮสติ้งที่ไม่ได้ติดตั้ง mod rewriteและระบบนี้จะทำให้คุณเปิดอ่านกระทู้ที่ PHPWind สร้างขึ้นมานั้นแบบติดจรวดเลย ด้วยความเร็วในการทำงานอยู่แล้วและยังทำให้แบ่งเบาประสิทธิภาพการทำงานของ Server ไปในตัวเพราะไม่ได้ดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลมาใช้โดยตรง

-  ออกแบบได้สวยงามและลงตัว
PHPWind 7.5sp3 plus ตัวใหม่ล่าสุดมีการปรับปรุงระบบ ใหม่ทั้งชุดแล้วได้มีการออกแบบตัวสกินให้มีความสวยงาม และลงตัวยิ่งขึ้น ดูแล้วสบายตาน่าใช้และมีความเร็ว เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง

-  สนับสนุน SEO ได้อย่างเต็มรูปแบบ
ด้วยระบบ URL Rewrite ที่มากับ PHPWind ทำให้มันกลายเป็นระบบที่รองรับ SEO ได้อย่างเต็มรูปแบบ ส่วนนี้ได้มีทดสอบจากประสบการจริง คุณสามารถปรับแต่งระบบนี้อย่างที่คุณต้องการได้แบบง่ายๆ

-  เครื่องมือของระบบ PHPWind มีเยอะ ไม่จำเป็นต้อง Mod เพิ่ม
จริงๆ แล้ว PHPWind มีระบบต่างๆ มาให้ครบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นระบบ Invite ระบบ Toplist ระบบ ธนาคาร ระบบ ไอเทมพิเศษ ระบบ Home ระบบ Google Sitemap

-  รองรับ Web 2.0 ได้อย่างเต็มๆ
ไม่ว่าจะเป็น RSS Feeds, ระบบคำค้น, ระบบเงิน และเครดิต,ชื่อขายสินค้าออนไลน์ได้อย่างเต็มรูปแบบ และสามารถสื่อสารติดตั้งกับผู้ใช้ภาพในระบบได้เป็นอย่างดีเยี่ยม

-  ระบบ API Passport
ติดต่อกับสคริปต์อื่นๆ ได้แบบง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นระบบ Shop อย่าง shopex และ dedecms สำหรับระบบ CMS หรือแม้แต่ phpnuke ก็ยังได้เลย (อัพเดทล่าสุด Support PBDigg)

วิธีอัพเกรด PHPWind 7.3.2 เป็น 7.5
ขอแนะนำนิดหนึ่งก่อนอัพเกรด คือสำหรับบอร์ดใครที่มีข้อมูลเยอะๆ (เว็บใครที่โตแล้ว สมาชิกหมื่อขึ้นไป) แนะนำว่าไม่จำเป็นต้องอัพเกรดก็ได้ หรือถ้าจะอัพเกรดก็ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา ก่อนอื่นจะต้องดาวน์โหลดไฟล์เว็บบอร์ดทั้งหมดมาเก็บไว้ที่เครื่องก่อน ขอแนะนำให้ใช้ FileZilla เพราะจะสะดวกและรวดเร็วกว่า ดาวน์โหลดไฟล์ทั้งหมดเสร็จแล้ว เข้าไปแบ็คอัพฐานข้อมูลได้ที่ Admin CP หน้าแรก » ระบบ » แบ็คอัพฐานข้อมูล  ส่วนข้อมูลที่มีเยอะๆ อาจจะติ๊กถูกประมาณ 2-3 ตารางแล้วค่อยๆ แบ็คอัพ จำเป็นมาก
1. ลบไฟล์ที่อยู่บนโฮสต์ทั้งหมด ยกเว้นโฟลเดอร์ ดังนี้สำคัญมากๆ
attachment
data
htm_data
images (สำหรับโฟลเดอร์ สำคัญถ้าจะมีการเพิ่มเติมยิ้มใหม่ ก็ดูให้ดีๆ ด้วย)
ไฟล์บางไฟล์ที่มันสำคัญๆ เช่นไฟล์ ไอคอนรูปภาพของกระดานข่าว จะต้องดูให้ดีๆ ด้วยว่ามีไฟล์อะไรบ้างที่จำเป็นจะต้องใช้ และไฟล์เหล่านั้นไม่จำเป็นต้องลบ














2. ทำการอัพโหลดไฟล์ที่อยู่ในโฟลเดอร์ upload ที่มากับไฟล์ Upto_UTF8_7.5_thai อัพโฟลดไฟล์ทั้งหมดที่อยู่ในโฟลเดอร์ upload ขึ้นโฮสต์ ไม่ใช่อัพทั้งโฟลเดอร์นะครับ อัพเฉพาะไฟล์ด้านในนะ และอัพโหลดไฟล์ up732to75.php
กรณีที่ต้องการอัพเกรดจากเวอร์ชัน 7.3.2 เป็น 7.5 ส่วนกรณีที่ต้องการีอัพเกรดจาก 7.5rc เป็น 7.5 ตัวเต็มก็ให้อัพไฟล์ up75rc1to75.php


3. เริ่มอัพเกรด รัน url เว็บได้ด้วยไฟล์ up732to75.php เช่น http://www.เว็บคุณ.com/up732to75.php
สำหรับอัพจาก 7.3.2 เป็น 7.5 ตัวเต็ม หรือ http://www.เว็บคุณ.com/up75rc1to75.php สำหรับอัพจาก 7.5rc เป็น 7.5 ตัวเต็ม


4. ใส่ระหัสผ่านผู้ดูแลระบบ (ผู้ดูแลระบบที่ทำการติดตั้ง PHPWind ตั้งแต่เริ่มแรกด้วย)


5. ยอมรับข้อตกลงและเริ่มอัพเกรด และต้องรอ


6. กำลังอัพเกรด กรุณารอ ห้ามเน็ตหลุด ห้ามปิดบราวเซอร์ ไม่งั้นเว็บคุณจะไม่สำเร็จ

7. ยอมรับข้อตกลงเพิ่มเติม

8. อัพเกรดเสร็จแล้วจะมีลักษณะดังรูปนี้





ที่มา
http://www.i7forums.com/
http://faq.i7forums.com/how-to/phpwind-agreement.html

Amaya





Amaya
Amaya เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับแก้ไขเว็บไซต์ ซึ่งใช้ในการสร้างและปรับปรุงเอกสารเว็บไซต์โดยได้รวมความสามารถในการเรียกดู แก้ไขและการรีโมท โดยต้องการให้ทำงานกับเว็บไซต์ได้โดยตรง ไม่ใช่เป็นแค่สื่อในการเผยแพร่เอกสารเพียงทางเดียว

การพัฒนาของ Amaya
การพัฒนา Amaya เริ่มที่ W3C ในปี 1996 เพื่อแสดงเทคโนโลยีทางด้านเว็บ ในรูปแบบของโปรแกรมลูกข่ายเว็บไซต์ที่สามารถเรียกดูบนหน้าเว็บได้ แรงบันดาลใจหลักในการพัฒนา Amaya คือ การสร้างเฟรมเวิร์ค หรือกรอบการทำงาน ที่สามารถบูรณาการเทคโนโลยีของ W3C ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นได้ Amaya ถูกใช้เพื่อสาธิตเทคโนยีต่างๆ เพื่อให้ใช้งานได้จริง ในขณะเดียวกันก็ยังรวมความสามารถหลายๆอย่างไว้เป็นหนึ่งเดียว ในสภาพแวดล้อมที่สอดคล้องกัน
ในเริ่มแรก Amaya ใช้เพื่อเป็น ตัวแก้ไข HTML + CSS ต่อมาได้พัฒนาให้รองรับ XML และโปรแกรมประยุกต์ทาง XML เช่น XHTML, MathML, และ SVG โดยสามารถที่จะแก้ไข เอกสารที่ใช้มาตรฐานเหล่านี้ในหน้าเอกสารเดียวกันได้อย่างพร้อมกัน

ข้อดีของ Amaya
1. ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าชมเว็บและเขียนเว็บในขณะเดียวกัน
Amaya สามารถสร้างหน้าเว็บและอับโหลดไปยังเซิฟเวอร์ได้ ผู้เขียนเว็บสามารถสร้างหน้าเอกสารเว็บไซต์ได้แม้ไม่มีเครื่องมืออื่นช่วย โดยสามารถเข้าชมเว็บ เพื่อหาข้อมูลที่ต้องการ และทำการคัดลอกและวางลงยังหน้าเว็บที่ต้องการสร้างได้โดยตรง ทั้งยังสามารถทำลิงค์ไปยัง เว็บอื่นได้อย่างตรงไปตรงมาและเรียบง่าย โดยขั้นตอนต่างๆรวมอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สอดคล้องกัน โดยฟังชั่นในการแก้ไขและเข้าชมเว็บรวมไว้เป็นเครื่องมือเดียวอย่างกลมกลืนกัน

2.  ใช้การสร้างโครงสร้างเอกสารภายในตาม DTD
Amaya แสดงผลเอกสารโดยมีโครงสร้างภายในของเอกสารสอดคล้องกับ ตัวกำหนดชนิดเอกสาร หรือ (DTD)โครงสร้างที่ถูกต้องจะช่วยให้เครื่องมืออื่น สามารถประมวลผลข้อมูลได้อย่างปลอกภัย และยังแสดงหน้าเอกสาร พร้อมกันกับดูโค้ดที่เขียนไว้ได้พร้อมกัน บนหน้าจอ
3.  รองรับการทำงานกับเอกสารได้หลายชนิดในเวลาเดียวกัน
สามารถแสดงหน้าเอกสาร (X)HTML, native MathML (.mml)และ SVG (.svg) และแก้ไขได้ในขณะเดียวกัน
4.  ช่วยผู้เขียนเว็บในการสร้างไฮเปอร์ลิ้ง
ตัวแก้ไขช่วยให้สามารถสร้างข้อความและลิงค์ไปยังหน้าเอกสารอื่นได้ และสามารถดูลิงค์ที่สร้าง โดยไม่จำกัดเพียงการสร้างลิงค์แบบ HTML เท่านั้น แต่ยังสามมารถสร้างลิงค์กับวัตถุที่เป็น XLink, MathML และ SVG
5.  แหล่งรวมแอพพลิเคชั่นในการทำบันทึกย่อในการทำงาน
บันทึกย่อ คือ การเพิ่มคอมเมนต์ภายนอกโน้ตย่อ ข้อสังเกต สามารถแนบไว้กับหน้าเอกสารเว็บหรือส่วนต่างๆที่ต้องการแนบในหน้าเอกสารได้
วิธีการแก้ไขเว็บไซต์ใน Amaya
เปิดเว็บไซต์เพื่อแก้ไขด้วย Amaya
1.  Download Amaya ที่หน้าหลักของ Amaya  ติดตั้งโปรแกรม
2.  เปิดเบราว์เซอร์ Amaya และแก้ไข และเปิดเว็บไซต์ที่มีอยู่ที่คุณต้องการแก้ไข คลิกที่ 'เปิด' ที่ด้านบนของหน้าจอและดูการเปิดกล่องเอกสารที่ปรากฏ
3.   พิมพ์ที่อยู่ของเว็บไซต์ที่คุณต้องการแก้ไขหรือคลิกที่ไอคอนโฟลเดอร์เพื่อเรียกดูโฟลเดอร์ของคุณ เมื่อป้อนแฟ้มถูกต้องคุณจะต้องเลือกที่คุณต้องการเอกสารใหม่เปิด ตัดสินใจแล้วคลิกปุ่มเปิด

เว็บไซต์แก้ไขการใช้ Web Editor Amaya
1.  รอหน้าต่างใหม่หรือแท็บเพื่อเปิดและเริ่มการแก้ไขเว็บไซต์ ครึ่งบนของหน้าจอจะแสดงผลหน้าเว็บในเบราว์เซอร์ในขณะที่ส่วนล่างจะแสดง source code สำหรับหน้าทั้งหมด
2.  คลิกเมาส์หรือแผ่นเพลงของคุณอีกครั้งในพื้นที่เบราว์เซอร์และคุณสามารถแก้ไขเว็บไซต์โดยตรง คุณยังสามารถแก้ไขเอกสารภายในส่วนบรรณาธิการของหน้าต่างแล้วกด'บันทึก'เพื่อดูผลลัพธ์ในเบราว์เซอร์ เมื่อคุณวางเคอร์เซอร์ของคุณในสถานที่เฉพาะในเบราว์เซอร์ Amaya จะนำขึ้นบรรทัดตรงกันของรหัสในบรรณาธิการ
3.  ตัวอย่างความหลากหลายของความสามารถในการแก้ไขของ Amaya ซึ่งรวมถึงคุณลักษณะการแก้ไขและคณิตศาสตร์ คำแนะนำดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ Amaya ที่หน้าหลัก


Transform

ลักษณะรูปแบบเมนู

panels on the left


ส่วนติดต่อผู้ใช้กับแผงควบคุมด้านซ้าย


Panels on the right


ส่วนติดต่อผู้ใช้กับแผงควบคุมด้านขวา

Customized panels
ส่วนติดต่อผู้ใช้กับแผงควบคุมที่ผู้ใช้กำหนดเอง


structure view


มุมมองการเปิดเอกสารแบบโครงสร้าง

annotation

สร้างบันทึกย่อ

compound document

เอกสารแบบหลายรูปแบบ





ที่มา
http://www.thaiamaya.com/
http://www.thaiamaya.com/Amaya.html
http://www.searchgrid.org





11/26/2553

การประยุกต์ระบบสารสนเทศกับธุรกิจประกันภัย (ซิกน่า ประกันภัย)

ประวัติความเป็นมา บริษัท ซิกน่าประกันภัย จำกัด (มหาชน)
ซิกน่า ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย และ เมืองฮาร์ทฟอร์ด รัฐคอนเน็กติคัท ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เริ่มเข้าดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 โดยเริ่มต้นในนามของ บริษัท ซิกน่า อินเตอร์เนชั่นแนล มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจการบริหารจัดการด้านการตลาดให้แก่บริษัทประกันภัยชั้นนำต่างๆ ผ่านช่องทางการขายทางโทรศัพท์ โดยมีทีมงานขายทางโทรศัพท์ของตนเองซึ่งได้รับการพัฒนาและฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำการตลาดประกันภัยและให้บริการอย่างมืออาชีพมาโดยตลอด ต่อมาซิกน่าได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยเมื่อปลายปี พ.ศ. 2549 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปี พ.ศ.2550 ภายใต้ชื่อ บริษัท ซิกน่า ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซิกน่าจึงได้เริ่มดำเนินธุรกิจประกันภัยภายใต้ชื่อ บมจ. ซิกน่า ประกันภัย อย่างเต็มรูปแบบ ในปัจจุบันกลุ่มซิกน่าในประเทศไทย ดำเนินธุรกิจหลักภายใต้ 2 บริษัท ได้แก่
1. บริษัท ซิกน่า อินเตอร์เนชั่นแนล มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (ซีไอเอ็มที) บริษัทที่ให้บริการด้านการตลาด โดยมีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการด้านการตลาด และทำการตลาดประกันภัยผ่านช่องทางเทเลมาร์เก็ตติ้งให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจ
2. บริษัท ซิกน่า ประกันภัย จำกัด (มหาชน) (ซิกน่าประกันภัย) บริษัทรับประกันภัยที่ดำเนินธุรกิจด้านการประกันภัยอุบัติเหตุและประกันสุขภาพผ่านช่องทางการจัดจำหน่าย และการตลาดต่างๆในประเทศไทย
ต่อมา บริษัท ซิกน่า ประกันภัย จำกัด (มหาชน)ได้เริ่มรุกตลาดด้วยกลยุทธ์การตลาดแบบตรงผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายแบบใหม่ ที่เรียกว่า การขายตรงผ่านโทรทัศน์ หรือ Direct Response Television โดยซิกน่าประกันภัยเป็นบริษัทรับประกันภัยรายแรกที่ใช้ช่องทางการจัดจำหน่ายในรูปแบบดังกล่าว ซึ่งเป็นช่องทางที่ง่ายและสะดวกมากขึ้นสำหรับผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่มีความสนใจอยากจะสอบถาม หรือซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัย

การนำระบบสารสนเทศมาประยุกต์ใช้

บริษัท ซิกน่า เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านการประกันชีวิตรายแรกที่นำระบบ Customer Value Management (CVM) ซึ่งเป็นการนำข้อมูลพื้นฐานการวิเคราะห์ โดยนำเทคนิคทางสถิติมาประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างแบบจำลองข้อมูล (Data Modeling) และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างลึกซึ้ง (Data Mining)  เพื่อใช้ในการศึกษาดูพฤติกรรการซื้อสินค้า, การใช้จ่าย หรือการซื้อซ้ำของบุคคลที่จะมาเป็นลูกค้า ว่าการซื้อเป็นอย่างไร มีการซื้อซ้ำหรือไม่ จำนวนเงินในการซื้อแต่ละครั้งเป็นอย่างไร ซื้อโดยเงินสดหรือบัตรเครดิต เป็นต้น ทำให้เข้าใจข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายโดยละเอียด หลังจากนั้นจะใช้ระบบช่วยคาดการณ์ในการสังเกตผู้ที่มีคุณลักษณะร่วมมีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง มีแนวโน้มสนใจจะซื้อแผนประกันภัย หรือสนใจแผนประกันภัยแบบไหนเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการระบุกลุ่มเป้าหมายที่แน่ชัด และสามารถกำหนดกลยุทธ์ในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างเหมาะสมมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังเป็นการลดต้นทุนอีกกว่า 50% เนื่องจากการวิเคราะห์ฐานข้อมูลลูกค้าในพฤติกรรมเชิงลึก ทำให้สามารถรู้จักลูกค้าได้ดีขึ้นก่อนที่จะทำการติดต่อลูกค้า ซึ่งทำให้วางแผนในการติดต่อลูกค้าได้ถูกกลุ่มเป้าหมาย ถูกเวลา และถูกช่องทาง

จุดเด่นที่แตกต่างของซิกน่าประกันภัย
บริษัท ซิกน่า ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เลือกที่จะนำเสนอสิ่งที่แตกต่างเพื่อตอบสนองและเข้าถึงความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
   1. การบริหารจัดการคอลล์เซ็นเตอร์และเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายประกันภัยทางโทรศัพท์อย่างมืออาชีพตามมาตรฐานสากล ใช้สำหรับการดำเนินงานในประเทศไทย เช่น ระบบการรักษาความปลอดภัยสูงสุดของข้อมูล ระบบการควบคุมคุณภาพของสายสนทนา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายฯ นำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยด้วยความถูกต้องตามกฏระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.)
                 2. ผลิตภัณฑ์ประกันภัยและบริการเสริมจากพันธมิตรระดับโลกที่หลากหลายและแตกต่าง เช่น แผนประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล แผนประกันสุขภาพ ซึ่งรวมถึงแผนประกันสุขภาพฟัน
                 3. กลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
 4. กลยุทธ์การบริหารฐานข้อมูลลูกค้า ด้วยระบบวิเคราะห์และจัดการฐานข้อมูลลูกค้า Customer Value Management (CVM)  โดยการเพิ่มยอดขายที่ดีที่สุด คือ การขายสินค้าที่ถูกต้อง ในเวลาที่เหมาะสม ให้กับผู้บริโภคที่ตรงกลุ่ม และผ่านช่องทางที่ถูกต้อง จึงได้นำ การบริหารฐานข้อมูลลูกค้าด้วยระบบวิเคราะห์และจัดการฐานข้อมูลลูกค้า หรือ Customer Value Management (CVM) มาใช้ในองค์กร
 5. นโยบายการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างสูงสุด โดยตระหนักถึงความสำคัญของการปกป้องและรักษาความลับของข้อมูลของพันธมิตรธุรกิจและของลูกค้ามาโดยตลอด จึงได้มีการรับรองมาตรฐานระบบการบริหารความมั่นคงของข้อมูล (ISMS) ISO 27001 : 2005 จากหน่วยงานตรวจสอบภายนอกที่เป็นบริษัทระดับสากล โดยปัจจุบัน ซิกน่า ประเทศไทย ได้ผ่านการตรวจสอบและได้รับใบรับรองมาตรฐาน (ISO Certificate 27001)

ประโยชน์ของระบบ Customer Value Management (CVM) ต่อธุรกิจของซิกน่าประกันภัย
- อัตราการตอบรับทางธุรกิจที่สูงขึ้น แนวโน้มของรายรับที่มากขึ้นและต่อเนื่อง
- สามารถติดต่อลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ลูกค้าได้รับการติดต่อที่ไม่จำเป็น  น้อยลง
- ลดต้นทุนด้านการตลาด
- สามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง



แหล่งข้อมูลอ้างอิง
http://www.ryt9.com
http://www.cigna.co.th
http://news.212cafe.com